รางลิ้นชักมีกี่ประเภท? ทำความรู้จักรางลิ้นชักแบบต่าง ๆ

รางลิ้นชัก เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้การเลื่อนเข้าออกของลิ้นชักเป็นไปได้อย่างนุ่มนวลและมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้รางลิ้นชักที่เหมาะสมกับการใช้งานและดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความนี้จะอธิบายถึงประเภทของรางลิ้นชักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน รวมถึงวิธีการเลือกใช้และคุณสมบัติของแต่ละแบบ เพื่อให้เข้าใจถึงประโยชน์ของรางแต่ละชนิดและนำไปใช้ในเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างเหมาะสม

รางลิ้นชักลูกปืน

รางลิ้นชักลูกปืน คือรางลิ้นชักที่ใช้ลูกปืนเป็นส่วนประกอบหลักในกลไกการเลื่อน ซึ่งช่วยให้การเลื่อนของลิ้นชักเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีเสียงดัง โดยลูกปืนทำหน้าที่ลดแรงเสียดทานระหว่างรางกับลิ้นชัก ทำให้การเปิด-ปิดลิ้นชักง่าย และเงียบต่อการใช้งาน รางลิ้นชักลูกปืนเหมาะสำหรับใช้งานในเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการการเปิดปิดลิ้นชักบ่อยๆ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ตู้เก็บเอกสาร หรือตู้เก็บของในออฟฟิศ ตู้ครัว และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน

ข้อดีของรางลิ้นชักลูกปืน

• ป้องกันการสึกหรอ มือจับประตูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้บ่อยที่สุดในบ้าน การสึกหรอเกิดจากการสัมผัสบ่อยๆ อาจทำให้มือจับดูเก่าและเสียหายได้อย่างรวดเร็ว
• รักษาความสวยงาม วัสดุที่ใช้ในการทำมือจับ เช่น ทองเหลือง หรือสแตนเลส อาจเสียความเงางามไปเมื่อถูกใช้งานและไม่ได้รับการดูแลการทำความสะอาด การขัดเงาเป็นประจำช่วยรักษาความสวยงาม ทำให้มือจับดูใหม่เสมอ ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบ้านหรือสถานที่
• ป้องกันการเกิดคราบสกปรก มือจับเป็นจุดที่สัมผัสกับมือคนเป็นประจำ จึงเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรก เช่น คราบเหงื่อและน้ำมันจากมือ การดูแลมือจับเป็นประจำช่วยลดคราบเหล่านี้
• รักษาความเงางามของวัสดุ วัสดุที่ใช้ทำมือจับ เช่น ทองเหลือง หรือสแตนเลส จะเสียความเงางามหากไม่ได้รับการทำความสะอาดที่เหมาะสม
• ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว การดูแลรักษามือจับประตูช่วยลดความจำเป็นในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนมือจับใหม่บ่อยๆ การบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีจึงเป็นวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้านในระยะยาว

รางลิ้นชักแบบลูกล้อ

รางเลื่อนลิ้นชักแบบลูกล้อ คือรางลิ้นชักที่ใช้ลูกล้อหรือโรลเลอร์เป็นกลไกการเลื่อนเพื่อช่วยให้การเปิดปิดลิ้นชักเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รางประเภทนี้ทำให้ลิ้นชักเลื่อนได้โดยมีแรงเสียดทานน้อย เหมาะกับลิ้นชักที่ต้องการความเบา และไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น โต๊ะทำงาน ตู้เก็บของในบ้าน ตู้หรือลิ้นชักในห้องน้ำ

ข้อดีของรางลิ้นชักแบบลูกล้อ

• ราคาไม่สูง รางลิ้นชักแบบลูกล้อมักมีราคาถูกกว่ารางประเภทอื่น เนื่องจากวัสดุ และโครงสร้างเรียบง่าย
• เลื่อนง่าย ด้วยการใช้ลูกล้อเป็นตัวช่วย รางลิ้นชักแบบลูกล้อจึงสามารถเลื่อนเข้าออกได้ง่าย เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก
• ติดตั้งง่าย การติดตั้งรางลูกล้อเป็นเรื่องง่าย และสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ

รางลิ้นชักแบบซ่อน

รางลิ้นชักแบบซ่อนถูกออกแบบให้ติดตั้งอยู่ใต้ลิ้นชัก ทำให้มองไม่เห็นรางเมื่อเปิดหรือปิด ช่วยเพิ่มความสวยงามและเรียบร้อยให้กับเฟอร์นิเจอร์ เหมาะกับการตกแต่งภายในที่เน้นความเรียบหรู ใช้ลักษณะการเลื่อนเปิดด้วยระบบลูกปืนสองตอน ระบบ Soft Close รับด้านใต้ ซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้สูง

ข้อดีของรางลิ้นชักแบบซ่อน

• มีความสวยงาม ช่วยให้ลิ้นชักดูเรียบง่ายและไม่เห็นราง ทำให้เฟอร์นิเจอร์ดูสวยงามและหรูหรายิ่งขึ้น
• ปิด-เปิดนุ่มนวล รางลิ้นชักแบบซ่อนมักมีระบบปิดนุ่มนวล ลดเสียงกระแทก และเพิ่มความทนทาน
• ความคงทนและรับน้ำหนักได้ดี ออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักได้ดี ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน

รางลิ้นชักแบบ 3 ตอนหรือรางลิ้นชักแบบ 3 ท่อน

รางลิ้นชัก 3 ตอนหรือรางลิ้นชักแบบ 3 ท่อน (Three-Stage Drawer Slide) คือรางลิ้นชักที่ประกอบด้วยส่วนของรางที่สามารถเลื่อนออกมาได้ทั้งหมด 3 ช่วงตอน ซึ่งทำให้สามารถเปิดลิ้นชักออกมาได้อย่างเต็มที่ (full extension) เมื่อเทียบกับรางแบบ 2 ตอนที่เปิดได้เพียงบางส่วนเท่านั้น รางลิ้นชัก 3 ตอนจึงเหมาะสำหรับลิ้นชักที่ต้องการการเข้าถึงพื้นที่ทั้งหมดภายในลิ้นชักได้อย่างสะดวก รางลิ้นชัก 3 ตอนเหมาะกับเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการการเข้าถึงพื้นที่เต็มที่ เช่น ตู้เครื่องมือ ตู้ครัวหรือตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน

ข้อดีของรางลิ้นชักแบบ 3 ตอนหรือรางลิ้นชักแบบ 3 ท่อน

• ได้การเปิดที่กว้างขึ้น ด้วยการออกแบบให้มี 3 ช่วงตอน รางลิ้นชัก 3 ตอนสามารถเปิดออกได้เต็มที่ ทำให้ผู้ใช้สามารถหยิบสิ่งของภายในลิ้นชักได้ง่าย ไม่ต้องเอื้อมมือเข้าไปในส่วนที่ลึก
• รองรับน้ำหนักได้ดี รางลิ้นชัก 3 ตอนมักถูกออกแบบให้มีความทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักของสิ่งของในลิ้นชักได้มาก เหมาะสำหรับลิ้นชักที่ต้องการเก็บของหนัก เช่น เครื่องมือช่างหรืออุปกรณ์ครัว
• มีความหลากหลายในวัสดุและระบบการเลื่อน รางลิ้นชัก 3 ตอนมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ใช้ลูกปืน (Ball Bearing) หรือระบบ Soft Close ซึ่งให้การใช้งานที่นุ่มนวลและไม่มีเสียงดัง

คุณสมบัติของรางลิ้นชักที่ดี

รางลิ้นชักที่มีคุณภาพช่วยให้การเปิด-ปิดนุ่มนวล ปลอดภัย และทนทานต่อการใช้งานหนัก โดยรางลิ้นชักที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้

• ระบบเปิดอัตโนมัติและระบบปิดแบบนุ่มนวล ช่วยให้การเปิดปิดลิ้นชักเป็นไปอย่างนุ่มนวล ช่วยป้องกันการกระแทกแรงๆ ซึ่งอาจทำให้ลิ้นชักเกิดความเสียหายได้ และช่วยป้องกันอุบัติเหตุลิ้นชักหนีบมือด้วย
• ดึงกลับอัตโนมัติเมื่อปิดและหยุดค้างเมื่อถึงระยะ ความโค้งของรางลิ้นชัก ช่วยให้ลูกล้อดึงลิ้นชักกลับอัตโนมัติในขณะที่ทำการปิด โดยเมื่อลิ้นชักปิดเข้าไปถึงระยะสุดท้ายของรางลิ้นชัก ก็จะค่อยๆ เลื่อนปิดลงอย่างนุ่มนวลง
• ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี ผลิตจากสแตนเลสและอะลูมิเนียมระดับมาตรฐาน มีน้ำหนักเบาและไม่เป็นสนิม
• ระบบเปิดแบบกดกระเด้ง ระบบผลักรางที่เป็นอุปกรณ์เสริมรางลิ้นชักแบบซ่อน ทำให้การเปิดลิ้นชักสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ เพียงกดเปิดเบาๆ ไม่ต้องใช้มือจับ สะดวกสบายอย่างมาก
• ตัวประคองรางป้องกันรางตก รางลิ้นชักที่มาพร้อมกับตัวประคอง ช่วยในการเลื่อนของราง ทั้งยังช่วยรับน้ำหนักและป้องกันการกระเด้งตกราง ในกรณีที่ลิ้นชักมีความกว้างมาก

โดยปกติแล้วรางลิ้นชักจะมีความยาวตั้งแต่ 8-24นิ้ว ควรเลือกซื้อรางลิ้นชักที่มีความยาวน้อยกว่าความลึกของตู้ลิ้นชักอย่างน้อย 3มม. รู้แบบนี้แล้วคุณลูกค้าก็สามารถเลือกซื้อรางลิ้นชักได้อย่างเหมาะสมแล้ว

วิธีการเลือกซื้อลิ้นชักและรางลิ้นชัก

เมื่อทราบถึงการทำงานหลักๆของรางลิ้นชักแต่ละประเภทแล้ว เราก็จะมาแนะนำถึงวิธีการเลือกซื้อรางลิ้นชักแบบง่ายๆ 4 ขั้นตอนดังนี้

1. เลือกวิธีการเปิดลิ้นชักให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจะมี 2 วิธี ได้แก่

• ลิ้นชักแบบดึง โดยใช้รางลิ้นชักแบบที่มีระบบ Soft Close ในตัว จะช่วยให้เปิด-ปิดลิ้นชักได้อย่างนุ่มนวล ติดตั้งมือจับในการเปิดลิ้นชัก
• ลิ้นชักแบบกด โดยใช้รางลิ้นชักแบบกดกระเด้ง เหมาะสำหรับบ้านสไตล์มินิมอล หรืองาน Hi-end งานเฟอร์นิเจอร์แบบไร้มือจับ ใช้แค่ระบบกดเด้งแบบเดียว หรือจะให้มี2ระบบต่อตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

2. เลือกการติดตั้งลิ้นชักที่ตรงกับลักษณะการใช้งาน

• แบบทับขอบและในขอบ โดยการติดตั้งแบบทับจะสามารถเลือกความยาวของรางได้มากกว่า ทำให้มีพื้นที่มากกว่าการติดตั้งแบบในขอบ
• ลิ้นชักแบบตอนเดียวและสองตอน ทั้งสองแบบใช้ความยาวรางเท่ากัน และสามารถใส่ของได้เท่ากัน แต่เมื่อดึงลิ้นชักออกมาแบบสองตอนจะสามารถมองเห็นของภายในลิ้นชักได้มากกว่า

3. วิธีการเลือกซื้อรางลิ้นชัก

• รางลิ้นชักต้องมีความยาวน้อยกว่าความลึกของตู้ลิ้นชัก อย่างน้อย 3มม.
• กรณีติดตั้งแบบในขอบ ต้องบวกความหนาของหน้าบานเพิ่มเข้าไปด้วย
• รางลิ้นชักต้องขนาดไม่เล็กกว่ากล่องลิ้นชัก เนื่องจากจะต้องยึดด้านหลังของกล่องไว้ด้วย

4. เลือกการรับน้ำหนักของลิ้นชัก

เพื่อความเหมาะสมกับสิ่งของที่เราจะใส่เข้าไปจึงควรเลือกใช้รางลิ้นชักที่สามารถรับน้ำหนักได้สมดุลกัน เพื่อไม่ให้ลิ้นชักของเรานั้นเกิดความเสียหายได้เพราะน้ำหนักสิ่งของมากกว่าที่รางลิ้นชักจะรับได้

วิธีการดูแลบำรุงรักษาลิ้นชัก

การดูแลบำรุงรักษารางลิ้นชักให้ใช้งานได้ดีและยืดอายุการใช้งาน สามารถทำได้ดังนี้

1. ทำความสะอาดลิ้นชักเป็นประจำ

ใช้ผ้าแห้งหรือแปรงนุ่ม ๆ ในการเช็ดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในรางลิ้นชัก เพื่อป้องกันการติดขัดระหว่างการเลื่อนเข้าออก หลีกเลี่ยงการใช้น้ำ เพราะอาจทำให้เกิดสนิมได้

2. หยอดน้ำมันหล่อลื่น

หยอดน้ำมันหล่อลื่นหรือสเปรย์ชนิดพิเศษสำหรับรางลิ้นชักอย่างน้อยทุก 3-6 เดือน เพื่อช่วยให้การเลื่อนลื่นไหลมากขึ้นและลดการสึกหรอของราง ไม่ควรใช้น้ำมันเครื่องหรือจารบีหนัก เพราะอาจสะสมฝุ่นได้ง่าย

3. ตรวจสอบการยึดรางลิ้นชัก

อย่าใส่ของหนักเกินไปในลิ้นชัก เพราะจะทำให้รางลิ้นชักเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เลือกใช้ลิ้นชักที่ออกแบบมาสำหรับการบรรทุกของหนักหรือจัดแบ่งสิ่งของให้เหมาะสม

4. เปลี่ยนรางลิ้นชักเมื่อชำรุด

หากรางลิ้นชักเสียหายหรือเกิดสนิมมากเกินไป ควรเปลี่ยนรางใหม่แทนการซ่อม เพื่อให้การใช้งานลื่นไหลและปลอดภัย

การดูแลเหล่านี้จะช่วยให้รางลิ้นชักของคุณทำงานได้ดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

 
อ่านต่อเรื่องราวที่น่าสนใจ :  เคล็ดลับการเลือกบานพับ และรางลิ้นชักที่ช่วยให้เฟอร์นิเจอร์ใช้งานได้อย่างราบรื่น

การเลือกใช้งาน รางลิ้นชักขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักของสิ่งของที่ต้องการเก็บ ความถี่ในการใช้งาน ความต้องการเรื่องความนุ่มนวลหรือความเงียบในการเปิดปิดลิ้นชัก รวมถึงงบประมาณที่มี การพิจารณาเลือกใช้งานรางให้เหมาะสมจะช่วยให้เฟอร์นิเจอร์มีความคงทนและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น

การทำความเข้าใจถึงคุณสมบัติของ และรางลิ้นชักแบบต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน รางลิ้นชักแต่ละประเภทมีจุดเด่นและการใช้งานที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้งานรางที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ทำให้เฟอร์นิเจอร์มีความทนทาน แต่ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกและประทับใจมากยิ่งขึ้น